ผู้ออก DR จะเป็นคนไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมาเก็บไว้ เพื่อใช้ออก DR นำมาเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป (IPO) ก่อนจะนำมาจดทะเบียนและซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเห็นว่า... ผู้ออก DR ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ในต่างประเทศ แต่จะทำหน้าเป็นผู้ที่ถือหลักทรัพย์ต่างประเทศแทนนักลงทุน
ดังนั้น นักลงทุนที่ถือครอง DR จึงเปรียบเสมือนกับถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผ่านใบ DR ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เนื่องจากซื้อขายด้วยเงินบาท ใช้บัญชีเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นไทย เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป สิ่งเดียวที่แตกต่างกัน คือ Board Lot ของ DR จะซื้อขายได้สะดวกกว่าหุ้นทั่วไป
ซึ่งกระบวนการย่อมง่ายกว่าการออกไปลงทุนตรงในต่างประเทศ เพราะมีตัวกลางซึ่งก็คือผู้ออก DR ให้ช่วยบริหารจัดการให้… เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการยกหุ้นต่างประเทศมาให้ซื้อขายได้บนตลาดหุ้นไทย ในรูปแบบของการซื้อขาย “ใบรับฝาก” แทน
“ผู้ออก DR” จะเป็นคนไปซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศมาเก็บไว้ เพื่อใช้ออก DR นำมาเสนอขายให้นักลงทุนทั่วไป (IPO) ก่อนจะนำมาจดทะเบียนและซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเห็นว่า... ผู้ออก DR ไม่ใช่บริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ในต่างประเทศ แต่จะทำหน้าเป็นผู้ที่ถือหลักทรัพย์ต่างประเทศแทนนักลงทุน ดังนั้น นักลงทุนที่ถือครอง DR จึงเปรียบเสมือนกับถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านใบ DR ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เนื่องจากซื้อขายด้วยเงินบาท ใช้บัญชีเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นไทย เหมือนการซื้อขายหุ้นทั่วไป สิ่งเดียวที่แตกต่างกัน คือ Board Lot ของ DR จะซื้อขายได้สะดวกกว่าหุ้นทั่วไป
สัญลักษณ์ย่อของ DR จะประกอบด้วยตัวอักษรความยาวสูงสุดไม่เกิน 10 ตัว ดังนี้
เราสามารถลงทุน DR ในระยะสั้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทน หรือสร้างพอร์ตเพื่อการลงทุนในระยะยาว ซึ่งการปรับพอร์ตหรือการขายหลักทรัพย์ เพื่อรับเป็นเงินสดสามารถทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเสี่ยงกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนตลอดเวลา
การถือ DR มีโอกาสได้รับเงินปันผลหรือสิทธิประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่หุ้นแม่หรือ ETF ประกาศจ่ายเงินปันผล เราก็จะได้รับเงินปันผลเช่นเดียวกัน แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อย คือ เงินปันผลที่เราจะได้รับนั้น จะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในสัญญารับฝาก (ถ้ามี) เราจึงต้องศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน จะได้ไม่พลาดเมื่อคิดจะเริ่มลงทุน DR การลงทุนใน DR จะช่วยกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนจากที่ถือหุ้นไทย และสามารถกระจายสัดส่วนการลงทุนไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งยังสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นสำหรับนักลงทุน
ผู้ที่ถือ DR จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเสมือนถือครองหลัก ทรัพย์ต่างประเทศนั้นๆ โดยตรง โดยแบ่งผลตอบแทนออกเป็น 2 ส่วน
กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) ที่นักลงทุนจะได้รับหากสามารถขาย DR ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาตอนที่ซื้อมา แต่หากทิศทางราคาไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ก็มีโอกาสขาดทุนเช่นกัน
โดยผู้ถือ DR มีโอกาสได้รับเงินปันผลหรือสิทธิประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์ต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่หุ้นแม่หรือ ETF ประกาศจ่ายเงินปันผล เราก็จะได้รับเงินปันผลเช่นเดียวกัน แต่ก็มีเงื่อนไขเล็กน้อย คือ เงินปันผลที่เราจะได้รับนั้น จะถูกหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในสัญญารับฝาก (ถ้ามี) เราจึงต้องศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน จะได้ไม่พลาดเมื่อคิดจะเริ่มลงทุน DR
ขึ้นชื่อว่าการลงทุนแล้ว ย่อมต้องมีเรื่อง “ความเสี่ยง” ให้ต้องคอยระวัง ซึ่งความเสี่ยงของ DR ก็เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น ที่บางครั้งเราอาจจะคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคตผิด ทำให้เราขาดทุนจากราคาตลาดที่ลดต่ำลงมากว่าต้นทุนราคาที่เข้าซื้อ และถึงแม้ว่าการลงทุนใน DR นักลงทุนจะทำการซื้อขายโดยใช้เงินสกุลบาท แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคา DR ควรจะใกล้เคียงกับราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ปรับค่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจาก 1 DR เทียบเท่ากับหุ้นต่างประเทศ 1 หุ้น หรือ ETF ต่างประเทศ 1 หน่วย นักลงทุนจึงต้องพิจารณาถึง “ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน” ควบคู่ไปกับการติดตามราคาของหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบในการลงทุน DR
นอกจากนี้ นักลงทุนยังควรพิจารณา “ความน่าเชื่อถือ” หรือความสามารถในการให้บริการต่างๆ ของผู้ออก DR ที่ปัจจุบันอนุญาตให้เฉพาะบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออกประกอบกันไปด้วย
ด้วยการกระจายสัดส่วนการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น แถมยังสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น ข้อดีเยอะแบบนี้ คงต้องมีติดพอร์ตไว้บ้างแล้ว
นักลงทุนสามารถซื้อขาย DR ผ่านโปรแกรม Streaming บน Windows PC หรือ Streaming Application (iOs/ Android)
ประเภทบัญชีที่รองรับ: บัญชีหุ้นประเภทเงินสด หรือ ประเภทเงินฝาก การชำระราคา: แบบ T+2
ลักษณะการซื้อขาย และประเภทของคำสั่ง: เสมือนการซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET)
ระยะการซื้อขาย: ตามเวลา SET (09.30-17.00น.) ไม่มีช่วงพักกลางวัน
ขนาดการซื้อขายขั้นต่ำ: 1 DR (ส่งเป็นจำนวนหน่วย DR)
เราควรติดตามว่า... ปัจจุบันราคาของสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุนนั้นอยู่ที่เท่าไหร่? ซึ่งจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ ที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาของสินทรัพย์ว่าเป็นอย่างไร นอกจากปัจจัยเฉพาะตัวแล้วยังมีผลจากสภาพตลาดและเศรษฐกิจของประเทศที่สินทรัพย์อ้างอิงนั้นทำการซื้อขายอยู่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ราคา DR ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงได้ โดยอาจมีในบางช่วงเวลาที่ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศมีความผันผวนก็จะส่งผลกระทบให้ราคา DR นั้นๆ ต้องผันผวนตามไปด้วยเช่นกัน
แต่นักลงทุนก็ไม่ต้องกลัวว่าจะติดตามข่าวสารของหลักทรัพย์ที่ DR นั้นอ้างอิงไม่ทัน เพราะสำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดให้ผู้ออก DR ต้องติดตามข้อมูลข่าวสารที่สำคัญของหลักทรัพย์ต่างประเทศที่มีการเปิดเผยในต่างประเทศ และนำข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาเผยแพร่แก่นักลงทุน DR ผ่านช่องทางการเผยแพร่ข่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้นักลงทุน DR สามารถติดตามข่าวสารและได้รับข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์ เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการลงทุนใน DR ได้อย่างเหมาะสม และเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญกับหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผู้ออก DR จะขอให้มีการขึ้นเครื่องหมายต่างๆ เช่น XD, H, SP ตามหลักทรัพย์ต่างประเทศในตลาดแม่ เพื่อให้นักลงทุน DR ได้รับข่าวสารที่เท่าเทียมกัน
แม้ว่าเราจะสามารถซื้อขาย DR ได้ในตลาดหุ้นไทยด้วยเงินสกุลบาท แต่เวลาที่เราซื้อขายนั้นต้องอ้างอิงกับราคาหุ้นหรือราคาสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศ อ้างอิงกับเงินสกุลนั้นๆ ที่สินทรัพย์จดทะเบียนอยู่ ดังนั้นเมื่อค่าเงินเปลี่ยนแปลงก็ย่อมส่งผลกับราคา DR ในบ้านเราให้แพงกว่า หรือ ถูกกว่า ในบางช่วง ซึ่งค่าเงินทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงตามทิศทางเงินไหลเข้าหรือเงินไหลออกแต่ละประเทศ โดย DR ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ในต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินด้วยเช่นกัน
เหมือนกับหลักทรัพย์ทั่วไปถ้ามีแรงซื้อเข้ามามากในบางช่วงก็อาจทำให้ราคา DR ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติได้ สำหรับในตลาดหุ้นไทยบ่อยครั้งที่เราจะเห็นการเคลื่อนไหวของราคาที่มากกว่าปกติจากแรงซื้อหรือแรงขาย ใน DR ก็เช่นกันที่ในบางครั้งอาจมีปัจจัยหรือมีความต้องการซื้อหรือขายผ่านตลาดหุ้นไทยมากกว่าปกติในบางช่วงเวลา ซึ่งอาจทำให้ราคา DR เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศอาจคลาดเคลื่อนกัน ดังนั้น ในการพิจารณาก่อนเข้าซื้อ นักลงทุนควรดูในเรื่องของราคาว่ามีความผิดปกติหรือไม่ก่อนที่จะเข้าซื้อทุกครั้ง