- เตรียมกระสุนให้พร้อมอยู่เสมอ ในภาวะที่นักลงทุนไม่มั่นใจภาวะของตลาดจงอย่ารีบร้อน ให้เตรียมเงินสดไว้ให้พร้อมสำหรับลงทุน และเฝ้ารอสัญญาณยืนยันทิศทางของตลาด
- ก่อนจะเข้าเตรียมหาทางออกไว้เสมอ ไม่มีใครคาดการตลาดได้ถูกต้อง 100% กำไรคือความคาดหวัง และขาดทุนคือความเสียหาย ดังนั้นเป้าหมายของกำไร ไม่สำคัญเท่าเป้าหมายการตัดขาดทุน ลิเวอร์มอร์เน้นว่าก่อนการนำเงินเข้าไปลงทุน ให้เตรียมหาจุดที่ต้องขายหากราคาไม่เคลื่อนที่ไปในทิศทางที่เราคาดไว้
- อย่าทุ่มสุดตัวตั้งแต่ครั้งแรก การเริ่มต้นลงทุนในเงินสัดส่วนน้อยๆ เพื่อรอให้ตลาดยืนยันการตัดสินใจและบอกจังหวะที่เหมาะสมกับเรา เช่นเริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 20% ของจำนวนเงินที่เราตั้งใจจะลงทุนในหลักทรัพย์นั้นๆ และค่อยๆทยอยซื้อเพิ่ม เมื่อตลาดบอกว่าการตัดสินใจของเราถูก ผ่านผลกำไรของเงินที่เราลงไปแล้ว
- ไม่ซื้อถัวขาลง การที่ราคาเคลื่ยนที่สวนทางกับการลงทุนของเรา แสดงให้เห็นว่าการวิเคราะห์ หรือจังหวะเวลาของเราอาจจะยังไม่ถึงจุดสุกงอม ดังนั้นการฝืนทิศทางของตลาดโดยการช้อนซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุนอาจทำให้ช้อนหักได้ ลิเวอร์มอร์จึงแนะนำว่าจงซื้อเพิ่มเมื่อเราถูกและขายเมื่อเราผิด
- ปล่อยให้กำไรดูแลตัวเอง ข้อนี้เป็นเรื่องแปลกที่นักลงทุนหลายๆท่านมักทำสลับกัน คือเมื่อลงทุนแล้วมีกำไรมักจะกังวลว่ากำไรจะหายไปจังมักรีบขายทำกำไรก่อน แต่ในทางกลับกัน เมื่อลงทุนแล้วขาดทุนนักลงทุนมักคาดหวังให้ทรัพย์ทำราคาย้อนกลับขึ้นมาเองโดยไม่ได้สนใจจะทำอะไร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะลงต่อไปอีก ดังนั้นคำแนะนำของลิเวอร์มอร์ คือ ถ้าปัจจัยต่างๆยังเป็นบวก ควรปล่อยให้กำไรดูแลตัวเองไป แต่หากการลงทุนไม่เป็นไปดังที่คาดหวังให้ และขาดทุนถึงจุดตัดขาดทุน ก็ควรขายซะ ซึ่งจุดตัดขาดทุนไม่ควรเกิน10%
- ทยอยเก็บกำไร สิ่งที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นกรณีที่หุ้นในพอร์ทมีกำไร นักลงทุนอาจะลดความเสี่ยงด้วยการขายบางส่วนออกมา เพื่อแปลงตัวเลขในพอร์ทออกมาเป็นตัวเงินจริงๆ และ เก็บไว้ในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่นขายหุ้นแล้วนำมาเก็บไว้เป็นเงินสดหรือนำไปซื้อพันธบัตร เป็นต้น